เตรียมยาไปต่างประเทศ: เดินทางอุ่นใจ

ปัจจุบันนักเดินทางหลายท่าน ไม่ว่าจะวัยไหน ก็มักจะมียาหรือวิตามินที่ต้องทานเป็นประจำ 🩺 เพื่อบำรุงสุขภาพ รักษาโรค หรือประคองอาการ แต่การนำยาติดตัวไปต่างประเทศก็มีเรื่องที่ต้องระวัง! ✋

เพราะกฎหมายและข้อบังคับเรื่องยาของแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน ยาที่ดูธรรมดาในบ้านเรา (เช่น ยาลดน้ำมูกบางชนิด) อาจเป็นยาต้องห้ามในประเทศอื่น Plan Travel แนะนำให้เริ่มตรวจสอบข้อมูลและเตรียมตัวล่วงหน้าอย่างน้อย 1 เดือนก่อนเดินทาง

📝 เช็กลิสต์: การเตรียม "ยาประจำตัว" (Prescription Medicine)

สำหรับยาที่แพทย์สั่ง หรือยาที่ต้องใช้เป็นประจำ มีข้อควรปฏิบัติดังนี้:

  • ห้ามแกะยาออกจากแผง หรือแบ่งใส่ตลับยาเองเด็ดขาด!
  • ควรเก็บยาไว้ใน บรรจุภัณฑ์เดิม (ฉลากยาเดิม) หรือซองยาจากโรงพยาบาล ที่มีฉลากภาษาอังกฤษกำกับ
  • สำคัญมาก: ควรขอ ใบรับรองแพทย์ (ภาษาอังกฤษ) ติดตัวไปด้วย 🧑‍⚕️ โดยให้แพทย์ระบุชื่อยา ปริมาณที่ต้องใช้ และเหตุผล (โรค) ที่ต้องใช้ยานั้น
  • เตรียมยาไปให้เพียงพอตลอดการเดินทาง (ไม่ควรเกิน 30-90 วัน)
  • กรณียาแผนโบราณ (ไทย/จีน) 🌿: ควรมีใบรับรองแพทย์ (อังกฤษ) ระบุชัดเจนว่าใช้รักษาอะไร มีส่วนประกอบอะไรบ้าง และออกฤทธิ์อย่างไร
  • ผู้ที่มีประวัติแพ้ยา: ควรพก บัตรแพ้ยา (ภาษาอังกฤษ) ติดตัวเสมอ

🧳 การเตรียม "ยาสามัญประจำบ้าน" (First-Aid Kit)

สำหรับยาที่พกไปเผื่อฉุกเฉิน ก็ควรเก็บไว้ในบรรจุภัณฑ์เดิมที่มีภาษาอังกฤษกำกับเช่นกัน เช่น:

  • ยาลดไข้ แก้ปวด
  • ยาแก้แพ้
  • ยาแก้ท้องอืด ยาลดกรด
  • ยาแก้ท้องเสีย ผงเกลือแร่
  • ยาแก้เมารถ เมาเรือ เมาเครื่องบิน
  • ยาทาแผลสด พลาสเตอร์ยา แผ่นปิดบรรเทาปวด

🚫 ข้อควรระวังพิเศษ! (Important Warnings)

💡 ทิปสำคัญจาก Plan Travel:

  • ✈️ ควรพกยาที่จำเป็นและใบรับรองแพทย์ทั้งหมด ไว้ในกระเป๋าถือขึ้นเครื่อง (Carry-on)
  • ห้าม! ใส่ในกระเป๋าที่โหลดใต้เครื่องเด็ดขาด ❌
  • เพราะกระเป๋าอาจสูญหายหรือล่าช้า และยาบางชนิดไม่สามารถหาซื้อทั่วไปได้ทันที

เช็กให้ชัวร์ก่อนแพ็กกระเป๋า:

  • 💊 เช็กที่ "สารสำคัญ" (Active Ingredient) ไม่ใช่แค่ "ยี่ห้อ": ต้องตรวจสอบสารออกฤทธิ์ในตัวยา เพราะยาบางกลุ่มอาจถูกควบคุมเข้มงวดเป็นพิเศษ เช่น:
    • ยาคลายวิตกกังวล ยานอนหลับ
    • ยาแก้ไอบางชนิด
    • ยาลดน้ำมูกที่มี Pseudoephedrine (อาจห้ามนำเข้าบางประเทศ เช่น นิวซีแลนด์)
    • ยาหรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ กัญชา 🍁 (ยังคงผิดกฎหมายในหลายประเทศ)
  • เช็กกฎหมายประเทศปลายทาง: นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด ยาบางชนิดอาจต้องทำเรื่อง "ขออนุญาตล่วงหน้า" หรือต้อง "สำแดง" (Declare) ต่อศุลากรเมื่อเดินทางไปถึง

👩‍💼 หากไม่แนใจ? ปรึกษาใครดี?

การศึกษาข้อมูลให้ถี่ถ้วนก่อนเดินทางเป็นเรื่องสำคัญมากครับ เพราะหากเผลอ นำยาต้องห้ามเข้าไป อาจส่งผลให้ถูกยึด ถูกปรับ หรือร้ายแรงถึงขั้นถูกจับกุมได้

หากคุณไม่แน่ใจว่ายาที่ใช้อยู่ สามารถนำเข้าประเทศปลายทางได้หรือไม่:

  • สอบถาม สถานทูต/สถานกงสุล ของประเทศนั้นๆ ประจำประเทศไทย
  • สอบถาม สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) โทร. 1556
  • ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นจาก: ข้อแนะนำในการนำยาติดตัวไปต่างประเทศ ➡️ การนำยาติดตัวไปต่างประเทศ จาก กองควบคุมวัตถุเสพติด

ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ UAE ได้ประกาศห้ามนำเข้ายา 374 ชนิด โดยไม่มีใบรับรองแพทย์

ตามรายชื่อดังต่อไปนี้ ห้ามนำเข้ายา 374 โดยไม่มีใบรับรองแพทย์ รายชื่อดังกล่าวรวมถึง ยาสามัญ ที่คนไทยนิยมใช้ทั่วไป

เช่น ยาแก้ปวดพาราเซตามอล ยาลดน้ำมูกแอคติเฟด เป็นต้น จึงควรหลีกเลี่ยง การนำยา เหล่านี้ติดตัวในการเดินทาง เพราะหากถูกจับได้ จะมีโทษถึง จำคุก และ ยาเหล่านี้สามารถซื้อได้ ตามร้านขายยาทั่วไปใน ยูเออีโดยไม่ต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์

พบทีมงานได้ที่ Facebook 🔗

เตรียมตัวให้พร้อม เที่ยวอย่างสบายใจ 💙

Share facebook post แชร์ไป twitter ส่งไป line
ติดต่อเรา